Aura Glow Studio

OEM และ ODM ต่างกันอย่างไร? มือใหม่ทำแบรนด์ต้องรู้ก่อนเริ่มผลิตสินค้า

raphael-lovaski-cJwl8182Mjs-unsplash

ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันสูงและเทคโนโลยีด้านการผลิตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โมเดลการผลิตแบบ OEM และ ODM กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดโดยไม่ต้องมีโรงงานเอง หรือไม่ต้องลงทุนในกระบวนการผลิตทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม หลายคนยังสับสนว่า OEM และ ODM ต่างกันอย่างไร?, แบบไหนดีกว่า?, เหมาะกับใคร?, และควรเลือกแบบใดให้เหมาะกับกลยุทธ์ของธุรกิจตนเอง บทความนี้มีคำตอบครบทุกมุม

OEM คืออะไร?

OEM (Original Equipment Manufacturer) หมายถึง ผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าตามแบบของลูกค้า ซึ่งลูกค้าเป็นผู้ออกแบบหรือคิดสูตรสินค้าเอง แล้วจ้างโรงงาน OEM ผลิตตามสเปกที่กำหนด

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • แบรนด์เครื่องสำอางคิดสูตรลิปสติกเอง แล้วให้โรงงาน OEM ผลิตให้
  • บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ออกแบบหูฟังเฉพาะ แล้วส่งให้โรงงานผลิตตามแบบ
  • แบรนด์อาหารเสริมมีสูตรเฉพาะของตน แล้วจ้างผลิต OEM

ODM คืออะไร?

ODM (Original Design Manufacturer) หมายถึง ผู้ผลิตที่ออกแบบและผลิตสินค้าเองทั้งหมด แล้วให้แบรนด์อื่นนำไปติดชื่อแบรนด์ของตนเอง (White label)

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • โรงงาน ODM ออกแบบและผลิตโทรศัพท์มือถือ แล้วแบรนด์ A และ B นำไปติดชื่อของตัวเอง
  • โรงงานผลิตครีมที่มีสูตรอยู่แล้ว ให้แบรนด์ใหม่สั่งผลิตพร้อมโลโก้
  • บริษัท ODM ทำเสื้อผ้าแบบสำเร็จรูปให้แบรนด์แฟชั่นนำไปขาย

ความแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM

ประเด็นOEM (Original Equipment Manufacturer)ODM (Original Design Manufacturer)
ใครออกแบบสินค้าลูกค้า (เจ้าของแบรนด์)โรงงานผู้ผลิต ODM
สินค้ามีความเฉพาะตัวไหมมี – เพราะลูกค้าออกแบบเองน้อย – เพราะหลายแบรนด์ใช้สินค้าเดียวกัน
ต้นทุน R&Dลูกค้าเป็นผู้ลงทุนผู้ผลิตเป็นผู้ลงทุนเอง
ความเร็วในการเข้าสู่ตลาดช้ากว่า (ต้องพัฒนาเอง)เร็วกว่า (สินค้าออกแบบไว้แล้ว)
ความยืดหยุ่นสูง – ปรับแต่งได้ตามต้องการต่ำ – ปรับได้บางส่วน
จำนวนสั่งขั้นต่ำ (MOQ)มักสูงต่ำกว่า OEM
เหมาะกับใครแบรนด์ที่ต้องการสินค้าที่ไม่เหมือนใครผู้เริ่มต้นธุรกิจ / งบจำกัด

ข้อดีของ OEM

  • สร้างแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่งได้จริง
  • ควบคุมคุณภาพ วัตถุดิบ และสเปกสินค้าได้เต็มที่
  • ถือสิทธิ์ในสูตรหรือดีไซน์ของสินค้า
  • เหมาะสำหรับแผนธุรกิจระยะยาว

ข้อเสียของ OEM

  • ใช้เวลาในการพัฒนาและทดสอบสินค้า
  • ต้องลงทุนสูงในขั้นตอน R&D
  • ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์

ข้อดีของ ODM

  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือทดลองตลาด
  • เริ่มต้นง่าย ต้นทุนต่ำกว่า
  • ผลิตได้รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาออกแบบเอง
  • บางโรงงานมีบริการครบวงจร (ผลิต+บรรจุ+ออกแบบฉลาก)

ข้อเสียของ ODM

  • ความแตกต่างของสินค้ากับคู่แข่งอาจน้อย
  • ปรับเปลี่ยนสินค้าได้น้อย
  • อาจมีข้อจำกัดเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

OEM หรือ ODM แบบไหนเหมาะกับคุณ?

ลักษณะธุรกิจของคุณเหมาะกับโมเดลไหน?
มีไอเดียชัดเจน อยากควบคุมสินค้า 100%OEM
ต้องการความแตกต่างทางดีไซน์ / ฟีเจอร์เฉพาะOEM
งบเริ่มต้นน้อย อยากทดลองตลาดก่อนODM
ไม่มีทีม R&D อยากใช้สูตรสำเร็จ/แบบสำเร็จรูปODM
ต้องการสร้างแบรนด์เร็ว ๆODM

สรุป

OEM และ ODM ต่างเป็นกลยุทธ์การผลิตที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่

  • ถ้าคุณต้องการสินค้าที่มีความเฉพาะตัวและควบคุมทุกขั้นตอนได้เอง OEM คือคำตอบ
  • แต่หากคุณอยากเริ่มง่าย ใช้ต้นทุนน้อย และเข้าสู่ตลาดได้ไว ODM คือทางเลือกที่เหมาะสม

การเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละโมเดล จะช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจได้แม่นยำและลดความเสี่ยงในระยะยาว

ติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง

5
เทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมหนังโป๊ การเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มในอนาค...
อุตสาหกรรมหนังโป๊หรือสื่อลามกถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตและปรับตัวอย่างรว...
5
ประวัติศาสตร์สื่อผู้ใหญ่ จากศิลปะยุคโบราณสู่ยุคดิจิทัล
สื่อผู้ใหญ่หรือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์มาอย่างยาวนาน ...
5
วิวัฒนาการของหนังผู้ใหญ่ จากฟิล์มเงียบสู่ยุคดิจิทัล
หนังผู้ใหญ่หรือสื่อสำหรับผู้ใหญ่ เป็นหนึ่งในสื่อบันเทิงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแ...
5
จริยธรรมในอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ มาตรฐาน สิทธิ และความรับผิดช...
อุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลทั่วโลก แต่ก็เป็นหนึ่งในอ...
5
การควบคุมสื่อเรท X ในต่างประเทศ กฎหมาย มาตรการ และแนวโน้ม
สื่อเรท X หรือสื่อสำหรับผู้ใหญ่ เป็นหนึ่งในประเภทเนื้อหาที่หลายประเทศทั่วโลกมีมา...
5
อิทธิพลของหนังผู้ใหญ่ต่อสังคม ผลกระทบ ข้อดี ข้อเสีย และแนวทา...
หนังผู้ใหญ่หรือสื่อสำหรับผู้ใหญ่ เป็นหนึ่งในประเภทเนื้อหาที่ถูกถกเถียงอย่างต่อเน...